The Palace in Lao Rebublic

 

เมื่อวันที่ผมไปเยือน..พระราชวังเจ้าชีวิต…
ในวันที่อากาศครึ้ม..ณ หลวงพระบาง
ฟ้าไม่ได้เปิดให้แดดได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่นัก ในวันที่ผมมาเยือนที่นี่..แม้จะอยู่ในช่วงของปลายฤดูหนาว..อากาศเย็นสบาย..
แต่ภายในสถานที่แห่งนี้กลับเงียบเชียบ..และวังเวง
วังของเจ้าเหนือหัว…เจ้าชีวิต…พระองค์สุดท้ายของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ผมเคยไปชมพิพิธภัณฑ์มานักต่อนัก..
ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ผมประทับใจ ซึมซับ และอยู่ดูได้นานที่สุด..

 

The Palace

 

ดูไปหวนนึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนของผมไป
เปรียบเทียบ..ความเหมือน..ความต่าง..ความเป็นไป..
เรื่องที่ผ่านมาในอดีตยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของผม
น่าเสียดาย…ที่ผมถ่ายภาพได้เพียงข้างนอกเท่านั้น..
ผมตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า..นี่เป็นวังของเจ้าชีวิตจริงๆ หรือ ?
วังของพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองประเทศ?
เพราะสภาพภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย เครื่องใช้ไม้สอย เครื่องเรือน เครื่องประดับเป็นแบบเรียบๆ ไม่หรูหรา ฟู่ฟ่า วิจิตรบรรจง
อย่างที่ผมคิดไว้ในตอนแรก
ถัดจากห้องทรงงานเป็นห้องบรรทม มีเพียงเตียงไม้สักขนาดใหญ่ โต๊ะเครื่องแป้งและเครื่องประกอบที่จำเป็นเท่านั้น บรรยากาศห้องดูสงัดเงียบ..
ชวนให้ผมจินตนาการย้อนไปในอดีต…
ภาระและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของคนทั้งชาติอยู่กับคนๆ เดียว คนที่เคยนอนที่นี่ เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เหมือนอดีตพระมหากษัตริย์ของไทยเรา..ที่ดำเนินพระชนน์ชีพอย่างเรียบง่าย

 

The Palace 2

ป้าสุมนต์ คนขาย Hot dog หน้าวัดใหญ่สุวรรณาราม เล่าให้ผมฟังด้วยน้ำตาคลอเบ้า ถึงวันสุดท้ายที่พวกเขามีโอกาสได้เห็นเจ้าชีวิตของเขา..ก็ตอนที่พระองค์เสด็จกลับจากการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อราว พ.ศ.2519
หลังการปฏิวัติรัฐประหารในลาวเพียงไม่นานจากนั้น..พระองค์ถูกเชิญไปในที่ๆ ไม่มีผู้ใดทราบจนบัดนี้
ข้าฯ มีสมเด็จพระราชินีเพียงพระองค์เดียวที่เสด็จตามไปด้วย..สิ่งของที่หยิบติดพระหัตถ์ไปได้ในตอนกลางดึก มีเพียงตะกร้าเชี่ยนหมากกับฉลองพระองค์ติดพระองค์เพียงชุดเดียว……
ผมนึกถึงในหลวงพระปกเกล้าฯ…
พระองค์ถูกพวกคณะราษฏร์ ไล่ออกนอกพระราชอาณาจักร..โดยป้ายความผิดนานาประการ
เพื่ออ้างความชอบธรรมในการยึดครองประเทศ..โดยโยนบาปว่าเป็นความต้องการของประชาชนชาวสยาม….
เป็นเรื่องน่าสลด..เพียงเพราะคำว่า..เพื่ออำนาจและความเป็นใหญ่…
ในความคิดของผม..ถ้าท่านอยากยิ่งใหญ่ อยากปกครองประเทศนี้ ..ท่านควรเกิดเป็นเจ้าซะ..
มาเกิดเป็นข้าฯ แผ่นดินอย่างผม….อย่างคุณทำใม?
ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าเลือกเกิดไม่ได้..เพราะไม่มีบุญหรือวาสนาพอ ก็ควรจะทำงานเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ไม่ควรคิดล้มล้างสถาบันและเนรคุณ
สุดท้าย..พวกเราทั้งหลายก็เดือดร้อน…
เดือดร้อนเพราะประชาธิปไตยในแบบของผู้มีอำนาจ
ที่บัญญัติและเขียนกฏหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวก
ผมรำพึงกับตัวเองว่า…มันจะมีอะไรที่จีรังยั่งยืนบ้าง..ในโลกนี้…
เราจะดิ้นรนไขว่คว้าหาพยับแดด..ไปทำไมกัน…เพราะเมื่อเราไปถึง..มันก็ห่างออกไปอีก…..มันคือความว่างเปล่า…แล้วแสวงหาอะไรกันหนอ..?
นี่เป็นความคิดคำนึงส่วนตัวที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น
ไม่ได้นึกแค้นเคืองใคร..เรื่องมันก็นานมาแล้ว…ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในแผ่นดินที่ผมยังอยากอาศัยอยู่อีกจนกว่าชีวิตจะหาไม่อีก….
วังเจ้าชีวิต….วันนี้เรียบง่าย เงียบเหงา พื้นที่กว้างขวาง มีไม้ใหญ่รกครึ้ม ไม้ประดับนานาพันธ์ ปลูกเพื่อไม่ให้พื้นที่รกร้าง มีโบสถ์สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่ภายในรั้ววัง…              นอกนั้นก็เป็นเรือนข้าหลวงปลูกเรียงรายห่างออกไปเป็นระยะ….
หลวงพระบาง…ยังน่าไปเยือน..ใครที่ไปมาแล้วหรือยังไม่ได้ไป อาจต้องมนต์เสน่ห์ของเมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีตก็เป็นได้…ผมเอง..ยังอยากไปอีก..ไม่เคยเบื่อเลย…

สะบายดี…หลวงพระบาง…
ข้อมูลถ่ายภาพ

Hasselblad 500CM
Carl Zeiss Sonnar 150mm Sonnar CF F4 T*
Fuji 120 RDP III film
Developed IQ lab
Epson V600 scanner

Yut Hasselblad