การเดินทาง..ผมชอบคำนี้จัง..เพราะนั่นหมายถึงผมจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ แม้บางครั้งจะกลับไปที่เดิมๆ มันก็เป็นบรรยากาศใหม่ๆ อยู่ดี

ในเวลาที่เปลี่ยนไป ต้นไม้ต้นเดิมยังคงยืนทะนงท้าแดดทานฝนอยู่หรือเปล่า หรือลำต้นสูงใหญ่ยังแข็งแกร่งทัดทานฟ้าฝนได้ดีหรือว่าอ่อนแรงลง หลังจากกิ่งใหญ่อีกกิ่งหักไปแล้ว เมื่อคราวพายุหน้าร้อนพัดกระหน่ำคราวนั้น…

มันเป็นมุมมองของคนทำงานศิลปะที่ต้องอาศัยการสังเกต เพราะการอยู่หรือหายไปของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ย่อมกระทบกับสิ่งหนึ่งเสมออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ความงดงามที่มากขึ้น ความเสื่อมสลายที่มาแทนที่..เพื่อให้โลกยังน่าอยู่ อยากให้มองเป็นศิลปะเพราะไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงแปลงใดๆ ก็ตาม มันเป็นธรรมชาติของมัน เพียงแค่เราเข้าใจมันและเราก็มีความสุขมากขึ้น ทุกข์กับการเปลี่ยนแปลงน้อยลง ผมคิดว่ามันใช้ได้ทุกเรื่องนะครับ

ผมเดินทางบ่อยในบางช่วงของชีวิต เรื่องรางดีๆ ก็มีมากขึ้นตอนที่โลกมันพาผมหมุนไปด้วยนี่เอง ผมกับ Hasselblad ตัวติดกันมากขึ้น การเดินทางทุกๆ ครั้งผมจะมีกล้อง 2 ตัว สำรองหนึ่งตัวเสมอ หลังจากที่มีประสบการณ์ตื่นเต้นเพราะกล้องน็อคโดยอุบัติเหตุ ผมได้ภาพจากกล้องอีกตัวแทน..มันก็สวยนะครับเพียงแต่มันไม่ใช่ Hasselblad 😀 อุตส่าห์แบกข้ามน้ำข้ามทะเลไป กลับไม่ได้อะไรมากนัก นี่ก็เป็นบทเรียนของการเดินทาง ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าทุกคนควรมีกล้องสองตัวสามตัวนะครับ 😀

ผมติดเลนส์ไปด้วยไม่เกิน 3 ตัวในสามช่วง เช่น 40mm 80mm 150mm หรือไม่ก็ 60mm 150mm 180mm เป็นต้น film magazine 2 อันก็พอ เพราะน้ำหนักกำลังดี พอเดินแบก 3-4 ชั่วโมงได้สบายๆ ไม่เป็นภาระสังขาร การเป็น Backpacker ให้ความสุขกับการถ่ายภาพได้ดีกว่าการไปเป็น  กลุ่มใหญ่ๆ ในความคิดของผม ถึงที่หมายแล้วนัดหมายเวลากัน จากนั้นต่างคนต่างไปในสถานที่ที่เราศึกษาก่อนเดินทาง แล้วค่อยมาเจอกันเมื่อถึงเวลานัด สบายใจกันทุกคนและได้เรียนรู้กัน ซึมซับกับสถานที่ ผู้คน อาหาร และสถานที่แปลกใหม่จนเต็มอิ่ม หลายๆ คนก็ใช้วิธีแบบนี้ผมเห็นด้วยครับ..

ภาพ 2 ภาพให้ความรู้สึกที่ดีแตกต่างกัน แม้ถ่ายด้วยกล้องตัวเดียวกัน ฟิล์มม้วนเดียวกัน ต่างกันที่มุม(มอง) เลนส์เท่านั้น  ไม่ได้ใช้ photoshop ไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์

มองแล้วก็สบายตาดี อากาศเย็นๆ ของเดือนพฤศจิกายน ในทางเดินเงียบๆ ข้างๆ วัด Kinkakuji ของดินแดนอาทิตย์อุทัย

ข้อมูลกล้องและเลนส์อยู่ในภาพถ่ายแล้วนะครับ..

Yut Hasselblad